5 เทคนิคขจัดกลิ่นภายในบ้าน
เปลี่ยนกลิ่นรบกวนในอากาศเป็นบรรยากาศแห่งรอยยิ้ม
กลิ่นอันไม่พึงประสงค์อาจกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำลายบรรยากาศอันแสนสุขภายในบ้าน ขอแนะนำเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถช่วยขจัดกลิ่นภายในบ้านด้วยตัวคุณเอง พร้อมเนรมิตบรรยากาศแห่งความสุขเต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนในครอบครัว
1. ห้องครัว ถือเป็นสถานที่สำคัญที่ก่อให้เกิดกลิ่น ทั้งกลิ่นอาหาร ไปจนถึงกลิ่นรบกวนจากขยะ จึงควรเริ่มต้นกำจัดสาเหตุของกลิ่นเหม็นรบกวนด้วยการกำจัดขยะสดเป็นประจำทุกวัน ปิดปากถุงให้มิดชิดและนำไปทิ้งบริเวณนอกบ้านในที่ที่เหมาะสม ที่สำคัญควรทำความสะอาดเศษอาหารที่ตกหล่นในบริเวณห้องครัวอยู่เสมอ เพราะกลิ่นส่วนใหญ่จะเกิดจากการหมักหมมและเน่าสลายของเศษอาหารเหลือทิ้งในขยะ วิธีนี้นอกจากจะช่วยกำจัดต้นตอของการเกิดกลิ่นแล้ว ยังช่วยลดจำนวนเหล่าแมลงและหนูที่หวังจะมาจัดปาร์ตี้ในบ้านคุณอีกด้วย
2. มะนาว รสเปรี้ยวเข็ดฟัน ช่วยขจัดกลิ่นคาวได้ชะงัก เพียงผ่าซีกแล้วนำมาถูตามเครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆ ที่มีกลิ่นคาว หรือนำมาถูกับฝ่ามือ ช่วยให้มือเนียนนุ่มไร้กลิ่นกวนใจ ส่วนเปลือกมะนาวหรือแม้กระทั่งเปลือกส้มก็ยังช่วยลดกลิ่นเหม็นจากถังขยะได้อีกด้วย
3. หลายครอบครัวมักประสบปัญหากลิ่นเหม็นอับจากตู้เย็น เนื่องจากคุณแม่บ้านนิยมสะสมอาหารค้างคืนจนเต็มตู้ บางอย่างหมดอายุเป็นแรมปีก็ไม่ยอมทิ้งเพราะเสียดาย ลองจัดระบบการเก็บของในตู้เย็นให้เป็นสัดส่วน เช็ดทำความสะอาดภายในตู้เย็นด้วยเบกกิ้งโซดาผสมน้ำทุก 6 เดือน แล้วเปิดประตูระบายอากาศทิ้งไว้สักครู่ เพราะเบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดกลิ่นเหม็น ดูดความชื้น แถมยังช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย
4. จะชวนเพื่อนมาเที่ยวบ้านใหม่ทั้งที แต่ยังเจ้าของบ้านยังกังวลเรื่องกลิ่นเหม็นจากสี สารระเหย หรือกลิ่นน้ำยาเคลือบวัสดุต่างๆ ลองฝานหัวหอมใหญ่ 2-3 ลูก ตั้งทิ้งไว้ แม้จะมีกลิ่นฉุนแสบตาแต่ช่วยเรื่องการดูดซับกลิ่นได้เป็นอย่างดี เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเปิดบ้านต้อนรับเพื่อนได้อย่างสบายใจ
5. ถ้ากลิ่นอันพึงประสงค์ยังคงวนเวียนอยู่ แม้จะกำจัดต้นเหตุของกลิ่น หรือทำความสะอาดไปแล้ว นั่นเป็นเพราะกลิ่นเหล่านี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กลอยอยู่อากาศ และเกาะติดตามพื้นผิว หรือส่วนต่างๆ ที่การทำความสะอาดเข้าไม่ถึง ทำให้กลิ่นเหล่านี้ยังคงตกค้างกลายเป็นกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศอย่าง แอมบิเพอร์ เป็นตัวช่วยสำคัญที่ไม่เพียงแค่กลบกลิ่น แต่จะช่วยขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ให้หมดไป โดยเลือกประเภทผลิตภัณฑ์ปรับอากาศให้เหมาะสมกับความต้องการและการใช้งาน เช่น ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศแบบสเปรย์ เหมาะสำหรับเวลาที่ต้องการปรับอากาศให้หอมสดชื่นอย่างรวดเร็วเมื่อมีแขกที่มาเยี่ยมโดยไม่ทันตั้งตัว รวมถึงกลิ่นอาหารหลังทำครัวเสร็จ ส่วนผลิตภัณฑ์ปรับอากาศแบบตั้งโต๊ะ จะค่อยๆ ปล่อยกลิ่นหอมอย่างช้าๆ และยาวนานกว่า อีกทั้งยังสามารถปรับระดับความเข้มของกลิ่นให้ตรงความต้องการของตนเองได้อีกด้วย
กลิ่นอาหารในห้องครัว
โปรยผงกาแฟ ลงบนเตาพอให้เกิดควัน จากนั้นปิดประตูห้องครัวไว้ 5 นาที ถ้าไม่มีกาแฟ ใช้เกลือป่นหรือผงถ่านละเอียดโรยตามบริเวณที่มีกลิ่นก็ได้
กลิ่นปลา กระเทียม และหัวหอม
มะนาวผ่าซีก ถูอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ ตั้งแต่กระทะ เขียง รวมถึงมือ
กลิ่นตู้เย็น
วางถ่านหุงข้าวไว้บนชั้นในตู้เย็น แต่ถ้าให้ดีควรเทผงกาแฟในถ้วยวางคู่กับถ่านก็จะดีมาก
กลิ่นในไมโครเวฟ
หั่นมะนาวเป็นชิ้นบางๆ ใส่ลงในน้ำเดือดและตั้งทิ้งไว้ในไมโครเวฟ ปิดฝา รอจนไอน้ำระเหยออกมาแล้วค่อยใช้ผ้าสะอาดเช็ด
กลิ่นฟองน้ำหรือผ้าเช็ดจาน
นำไปแช่ในอ่างที่มีน้ำเปล่าผสมน้ำส้มสายชูอย่างละครึ่ง ทิ้งไว้ข้ามคืน หลังจากนั้นนำฟองน้ำหรือผ้าไปซักให้สะอาดแล้วผึ่งจนแห้ง
กลิ่นน้ำมันทอดอาหาร
วางถ้วยน้ำส้มสายชูถ้วยเล็กๆ ไว้ข้างๆ เตาขณะทอดอาหาร
กลิ่นเหม็นจากถังขยะ
ฝานมะนาวทิ้งลงในถังขยะ
กลิ่นอับในตู้เสื้อผ้า
วางแผ่นขนมปังขาวลงในชามน้ำส้มสายชู แล้วนำไปวางในตู้เสื้อผ้า ทิ้งไว้ 24 ช.ม. หากยังมีกลิ่นอยู่ควรทำซ้ำอีกครั้ง
กลิ่นเหม็นอับในกระเป๋า
ห่อใบชาแห้งซุกไว้ในกระเป๋า ทิ้งไว้ 2-3 วัน
กลิ่นรองเท้าเหม็น
โรยเบกกิ้งโซดา แล้วนำรองเท้าไปตากแดดจัดๆ จากนั้นเคาะผงเบกกิ้งโซดาออก หรือยัดกระดาษหนังสือพิมพ์ในรองเท้า และเปลี่ยนใหม่ทุกอาทิตย์
กลิ่นในห้องน้ำ
จุดไม้ขีด เทียนไข หรือหาเชือกมาจุดไฟแล้วดับ จากนั้นวางไว้ในจาน ทิ้งไว้ในห้องน้ำประมาณ 5 นาที